4 โบรกเกอร์ มองความขัดแย้งรัสเซีย - ยูเครน กับ การประชุม FED เดือน มี.ค.ที่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 - 0.5% ทำ SET เดือน มี.ค.เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,650 - 1,750 จุด พร้อมเปิดโผ 12 หุ้นเด่นประจำเดือน เน้นธีมหุ้นกำไรฟื้น ยก KBANK - MAKRO แจ่มสุด ส่วน IVL อัพไซด์สูงสุด 44.44%
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจกลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค.65 จากนักวิเคราะห์ 4 โบรเกอร์ พบส่วนใหญ่มองว่าการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน และ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในรอบการประชุมเดือน มี.ค.นี้ จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นไทย (SET Index) โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ดังนี้
4 โบรกฯ ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยเดือน มี.ค.
|
บล.
|
เป้าดัชนี
|
เอเชีย พลัส
|
1,650 - 1,750
|
ยูโอบีฯ
|
1,650 - 1,740
|
ไอร่า
|
1,650 - 1,730
|
หยวนต้า
|
1,650 - 1,722
|
"ณรงค์เดช จันทรไพศาล" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน มี.ค.นี้ อยู่ในกรอบ 1,650 - 1,730 จุด โดยมองว่า ดัชนียังมีความผันผวน จากการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน หลังการเจรจารอบล่าสุดยังไม่ได้บทสรุป ขณะที่ ช่วงกลางเดือน ยังมีการประชุมของ FED ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังเร่งตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนในเดือน มี.ค.นี้ แนะนำนักลงทุน เลือกหุ้นที่มองว่าจะทนกับสภาวะตลาดหุ้นผันผวน อย่าง หุ้นในกลุ่ม Domestic pay ที่มีมูลค่า (Valuation) ไม่แพง ประกอบกับ หุ้นในกลุ่มขนส่ง อาทิ รถไฟฟ้า ที่คาดว่า ผลการดำเนินงานจะเริ่มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี หลังมาตรการควบคุมโควิด-19 ผ่อนคลายลง
ด้าน "กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีหุ้นไทยในเดือน มี.ค.นี้ อยู่ในกรอบ 1,650 - 1,740 จุด โดยยังต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งรัสเซีย กับ ยูเครน และ การประชุมรอบเดือน มี.ค.ของ FED ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสูง
อย่างไรก็ตาม มองว่า ตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับความกังวล จากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ FED ไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน หากยืดเยื้อ คาดจะส่งผลดีทางอ้อมกับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากไทยมีสัดส่วนทำการค้ากับรัสเซีย และ ยูเครน เพียงแค่ 5% และ 0.8% ตามลำดับ ซึ่งอาจได้เห็นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ไหลกลับเข้ามาในภูมิภาค รวมทั้งไทยมากขึ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำ เลือกหุ้นที่เป็นเป้าหมายลงทุนของเม็ดเงินต่างประเทศ อาทิ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง เมื่อปี 63 - 64 แต่ปี 65 ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่ "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเซียพลัส ประเมินดัชนีหุ้นไทยในเดือน มี.ค.นี้ อยู่ในกรอบ 1,650 - 1,750 จุด โดยในเดือนนี้ ต้องติดตาม 2 ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน และ การประชุมรอบเดือน มี.ค. ของ FED
ส่วน กลยุทธ์การลงทุนในเดือน มี.ค.นี้ แนะนำ ทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล, ธนาคารพาณิชย์ และ ค้าปลีก ที่ผลการดำเนินงานส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี โดยมองว่า เป็นกลุ่มหุ้นที่จะสามารถ Outperform ดัชนีหุ้นไทยได้ ในช่วงที่มีความผันผวนจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว
ฟาก "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีหุ้นไทยในเดือน มี.ค.นี้ อยู่ในกรอบ 1,650 - 1,722 จุด โดยมี 2 ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนนี้ ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน และ การประชุมรอบเดือน มี.ค. ของ FED
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนในเดือน มี.ค.นี้ แนะนำ นักลงทุนทยอยสะสมหุ้น Domestic pay ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ ค้าปลีก ส่วนอีกธีมที่น่าสนใจ คือ หุ้นในกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลระดับสูง
*** เปิดโผ 12 หุ้นเด่น เดือน มี.ค. เน้นธีมหุ้นกำไรฟื้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค.65 ของโบรกเกอร์ทั้ง 4 แห่ง จะพบว่า มีกลยุทธ์หลัก คือ แนะนำหุ้นที่ผลการดำเนินงานปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่น โดยมีหุ้นแนะนำทั้งหมด 12 บริษัท ซึ่งมีอัพไซด์ 10% ขึ้นไป ประกอบด้วย
4 โบรกฯ ชี้เป้า 12 หุ้นเด่น เดือน มี.ค.
|
บล.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
เหตุผล
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
%อัพไซด์*
|
ยูโอบีฯ
|
IVL
|
กำไรฟื้น
|
65
|
44.44
|
TOP
|
กำไรฟื้น
|
65
|
20.93
|
BBL
|
เป้า Fund Flow
|
159
|
13.57
|
ADVANC
|
เป้า Fund Flow
|
244
|
10.42
|
KBANK
|
เป้า Fund Flow
|
174
|
10.11
|
หยวนต้า
|
MAKRO
|
กำไรฟื้น
|
55
|
28.65
|
TTB
|
กำไรฟื้น
|
1.56
|
13.87
|
OSP
|
กำไรฟื้น
|
40
|
13.48
|
KBANK
|
กำไรฟื้น
|
180
|
10.09
|
ไอร่า
|
BTS
|
กำไรฟื้น
|
12
|
26.32
|
BEM
|
กำไรฟื้น
|
10.6
|
19.10
|
MAKRO
|
Valuation ไม่แพง
|
48
|
12.28
|
CPALL
|
Valuation ไม่แพง
|
73
|
10.12
|
เอเชีย พลัส
|
MAKRO
|
กำไรฟื้น
|
52.8
|
23.51
|
BH
|
กำไรฟื้น
|
170
|
10.75
|
BBL
|
กำไรฟื้น
|
152
|
10.22
|
KBANK
|
กำไรฟื้น
|
174
|
10.10
|
*อัพไซด์เทียบราคาปิด 28 ก.พ.65
|
*** กูรูยก KBANK - MAKRO แจ่มสุด หุ้นแบงก์ติดโผสูงสุด
หุ้น 12 บจ.ดังกล่าว เป็นบริษัทในดัชนี SET100 ทั้งหมด โดยกลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ติดโผสูงสุด จำนวน 3 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจพาณิชย์, พลังงานและสาธารณูปโภค และ ขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ติดโผ จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน
โดยเดือนนี้ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เป็นหุ้น ที่โบรกเกอร์แนะนำตรงกันมากที่สุด 3 แห่งเท่ากัน รองลงมา คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่มีนักวิเคราะห์แนะนำตรงกัน 2 แห่ง
*** พบ IVL อัพไซด์สูงสุด 44.44% ส่วนอีก 2 บจ. อัพไซด์ 20% ขึ้นไป
บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงสุด 44.44% รองลงมา คือ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 12.28 - 28.65%
ขณะที่ มีอีก 2 บจ. ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 20% ขึ้นไป ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 26.32% และ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 20.93%