โบรกฯ ทยอยปรับลดเป้า SET Index หลัง บจ.ประกาศงบ Q1/65 ขณะที่ ผลสำรวจจาก IAA Consensus มี 13 บจ.ถูกหั่นเป้ากำไรปีนี้ หลังประกาศงบโค้งแรกต่ำคาด พบ SEAFCO ถูกหั่นเป้ากำไรมากสุด 75% ขณะที่ HANA ถูกหั่นเป้าราคาเหมาะสมลงมากสุด 8 - 12.5 บ./หุ้น ฟาก BANPU ถูกอัพเป้ากำไรสูงสุด 142.23%
*** โบรกฯเริ่มหั่นเป้า SET ปีนี้ หลังประกาศงบ Q1/65
หลังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศงบการเงินไตรมาส 1/65 เริ่มมีโบรกเกอร์บางแห่ง ทยอยปรับลดเป้าหมาย ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ณ สิ้นปี 65 ลงบ้างแล้ว
โดย "ภาสกร ลินมณีโชติ" กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ปรับลดเป้า SET Index สิ้นปีนี้เป็น 1,650 จุด (เดิม 1,680 จุด) เนื่องจากอัตราพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวขึ้น ประกอบกับ เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS) ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตของ GDP ลดลง
*** หลังงบ Q1/65 ส่วนมากโบรกฯหั่นเป้ากำไร บจ.ลง
ขณะเดียวกัน "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้สำรวจบทวิเคราะห์จาก IAA Consensus ช่วง 1 เดือนล่าสุด (หลัง บจ.ประกาศงบไตรมาส 1/65) พบว่า ส่วนมาก มีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 ของ บจ. ลงจากเดิม จำนวน 13 บริษัท ประกอบด้วย
13 บจ.ถูกโบรกฯหั่นเป้ากำไรปี 65 หลังประกาศงบ Q1/65
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.)
|
%chg.*
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
ปรับลง (บ.)
|
SEAFCO
|
ฟินันเซียฯ
|
15
|
-75.00
|
4.2
|
-0.3
|
เอเชีย พลัส
|
19
|
-74.67
|
4.08
|
-0.08
|
SPA
|
หยวนต้า
|
22
|
-73.17
|
9.5
|
-0.5
|
BGRIM
|
โนมูระฯ
|
1,279
|
-57.15
|
30
|
-2.5
|
เอซีย พลัส
|
741
|
-34.54
|
35
|
-5
|
MAKRO
|
เอซีย พลัส
|
9,502
|
-29.31
|
46
|
-6.8
|
โนมูระฯ
|
10,500
|
-18.10
|
47
|
-3
|
HANA
|
หยวนต้า
|
2,012
|
-17.20
|
60
|
-12.5
|
เอเชีย พลัส
|
2,103
|
-13.56
|
52
|
-8
|
SCCC
|
เอเชีย พลัส
|
2,892
|
-16.82
|
165
|
-45
|
RS
|
ฟินันเซียฯ
|
537
|
-9.60
|
20
|
-1
|
ASIAN
|
เคทีบีฯ
|
1,018
|
-7.87
|
19.5
|
-1.5
|
SYNEX
|
เคทีบีฯ
|
855
|
-7.77
|
28
|
-7
|
TU
|
หยวนต้า
|
7,250
|
-7.69
|
22
|
-1
|
ทรีนีตี้
|
6,705
|
-6.72
|
20.5
|
-2.5
|
SVI
|
เอเชีย พลัส
|
1,158
|
-4.53
|
9
|
-1.5
|
SCC
|
ทรีนีตี้
|
42,429
|
-3.05
|
465
|
-10
|
KEX
|
ฟินันเซียฯ
|
(-656)
|
พลิกขาดทุน
|
18.2
|
-3.8
|
ที่มา : IAA Consensus
*%chg. เทียบประมาณการกำไรสุทธิเดิมของแต่ละโบรกฯ
**ไม่รวมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
|
*** SEAFCO ถูกหั่นเป้ากำไรสูงสุด 75% หุ้น SET100 เพียบ
13 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 ถึง 9 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, พาณิชย์, วัสดุก่อสร้าง และ อาหารและเครื่องดื่ม ติดโผสูงสุด 2 บริษัท เท่ากัน
บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) เป็นบริษัทที่ถูกโบรกเกอร์ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลงจากเดิมมากสุดถึง 74.67 - 75% โดยกำไรสุทธิใหม่ถูกคาดไว้ที่ 15 - 19 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 56.64 ล้านบาท ขณะที่ ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 4.08 - 4.2 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 0.08 - 0.3 บาท/หุ้น
สาเหตุหลัก ที่ทำให้โบรกเอร์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของ SEAFCO ลงจากเดิม เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ต่ำกว่าคาด มีรายงานขาดทุนสุทธิ 43.50 บาท ประกอบกับ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ยังมีโอกาสขาดทุนต่อเนื่อง เพราะงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 1.3 พันล้านบาท เป็นงานที่รับมาในช่วงการแข่งขันสูง จึงมีมาร์จิ้นต่ำ
นอกจากนี้ งาน Central Embassy ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่าครึ่งหนึ่งของจำนวน Backlog มูลค่า 1.3 พันล้านบาท ยังมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
*** พบอีก 2 บจ.ถูกหั่นเป้ากำไรลงจากเดิม มากกว่า 50%
ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 2 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลงจากเดิมมากกว่า 50% ประกอบด้วย บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ที่ถูกคาดการณ์กำไรสุทธิใหม่ไว้ที่ 22 ล้านบาท (ลดลงจากประมาณการเดิม 73.17%) เทียบปีก่อนขาดทุนสุทธิ 286.72 ล้านบาท ด้านราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 9.5 บาท/หุ้น ลดลง 0.5 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักที่ SPA ถูกปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 ลงจากเดิม เป็นเพราะการเปิดประเทศในช่วงแรกทำได้ช้ากว่าที่คาด ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มกลับเข้าสู่ประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญช่วงครึ่งหลังปี 65 ทำให้อัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เฉลี่ยทั้งปี มีแนวโน้มต่ำกว่าที่โบรกเกอร์ประเมินไว้ก่อนหน้า
ด้าน บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ถูกคาดการณ์กำไรสุทธิใหม่ไว้ที่ 741 ล้านบาท - 1.2 พันล้านบาท (ลดลงจากประมาณการเดิม 34.54%) หดตัว 43.78 - 67.06% ด้านราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 30 - 35 บาท/หุ้น ลดลง 2.5 - 5 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักที่ BGRIM ถูกปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 ลงจากเดิม เนื่องจากกำไรสุทธิปี 65 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากราคาต้นทุนพลังงานที่สูงกว่าคาด ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันดังกล่าวต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิ มีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อนเท่านั้น
*** HANA ถูกหั่นเป้าราคาลงมากสุด 8 - 12.5 บ./หุ้น
ฟาก บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) เป็นบริษัทที่ถูกโบรกเกอร์ ปรับลดราคาเหมาะสมลงจากเดิมมากสุดถึง 8 - 12.5 บ./หุ้น โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 52 - 60 บ.หุ้น ขณะที่ กำไรสุทธิปี 65 ปรับลงเป็น 2 - 2.1 พันล้านบาท (ลดลงจากเดิม 13.56 - 17.20%) เติบโตขึ้น 30.22 - 36.11% จากปีก่อน
สาเหตุหลักเป็นเพราะ HANA ยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบด้านวัตถุดิบขาดแคลนที่ยังไม่คลี่คลาย จากผลกระทบการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน และ การล็อกดาวน์ของประเทศจีนในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลกระทบต่อรายได้ และ กำไรขั้นต้น (Gross margin) พอสมควร
รองลงมา คือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ที่ถูกปรับลดราคาเหมาะสมลงเป็น 465 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 10 บาท/หุ้น ขณะที่ กำไรสุทธิปี 65 ถูกปรับลงเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท (ลดลงจากเดิม 3.05%) หดตัว 10.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักเป็นเพราะ SCC ประเมินว่าส่วนแบ่งกำไรจาก SCGP ปีนี้มีแนวโน้มลดลง จากผลการดำเนินงานที่คาดอ่อนแอ จากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่สูงกว่าคาดการณ์เดิม ประกอบกับ การทยอยปรับขึ้นราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น ยังทำได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
*** ส่อง 11 บจ.ถูกอัพเป้ากำไรปี 65 พบสูงสุด 142.23%
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 11 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิม หลังประกาศงบการเงินไตรมาส 1/65 โดยประมาณการกำไรสุทธิที่ถูกปรับขึ้นใหม่ อยู่ระหว่าง 0.92 - 142.23%
11 บจ.ถูกโบรกฯอัพเป้ากำไรปี 65 หลังประกาศงบ Q1/65
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.)
|
%chg.*
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
ปรับขึ้น (บ.)
|
BANPU
|
เคทีบีฯ
|
31,407
|
142.23
|
16
|
1
|
เอเชีย พลัส
|
27,691
|
65.53
|
13
|
1.2
|
IVL
|
เคทีบีฯ
|
39,893
|
69.60
|
70
|
10
|
โนมูระฯ
|
39,468
|
60.08
|
60
|
3.5
|
GFPT
|
เอเชีย พลัส
|
1,399
|
63.63
|
17
|
1
|
เคทีบีฯ
|
1,365
|
35.69
|
17.8
|
3.3
|
หยวนต้า
|
1,465
|
26.51
|
18.7
|
3.9
|
BPP
|
หยวนต้า
|
5,570
|
54.81
|
17.5
|
N/A
|
PR9
|
เคทีบีฯ
|
418
|
24.40
|
17.5
|
3.5
|
SAPPE
|
ฟินันเซียฯ
|
513
|
17.39
|
38
|
5
|
จีเอ็มโอฯ
|
521
|
11.56
|
38
|
6
|
MEGA
|
เคทีบีฯ
|
2,256
|
11.24
|
67
|
7
|
ฟินันเซียฯ
|
2,220
|
5.82
|
67
|
4
|
BDMS
|
หยวนต้า
|
9,908
|
11.44
|
31
|
3.1
|
เอเชีย พลัส
|
9,519
|
0.98
|
29
|
0
|
CPF
|
โนมูระฯ
|
16,113
|
7.68
|
28
|
2
|
CPN
|
เคทีบีฯ
|
8,944
|
6.11
|
70
|
5
|
BH
|
เอเชีย พลัส
|
2,794
|
3.29
|
190
|
0
|
กรุงศรี
|
2,730
|
0.92
|
197
|
0
|
ที่มา : IAA Consensus
*%chg. เทียบประมาณการกำไรสุทธิเดิมของแต่ละโบรกฯ
**ไม่รวมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
|
11 บจ.ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในดัชนี SET100 จำนวน 9 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจการแพทย์, พลังงานและสาธารณูปโภค และ อาหารและเครื่องดื่ม ติดโผสูงสุด จำนวน 3 บริษัท เท่ากัน
โดย บมจ.บ้านปู (BANPU) เป็นบริษัทที่ถูกโบรกเกอร์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิมมากสุดถึง 65.53 - 142.23% โดยกำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 2.7 - 3.1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 181.09 - 218.82% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นเป็น 13 - 16 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 1 - 1.2 บาท/หุ้น
สาเหตุหลัก เป็นเพราะราคาถ่านหินที่สูงกว่าคาด โดยนักวิเคราะห์ได้ปรับสมมติฐานราคาถ่านหินปี 65 ขึ้นเป็น 120 เหรียญ/ตัน (เดิมคาด 90 เหรียญ/ตัน) เป็นผลจากการทำสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ที่ทำให้ Supply บางส่วนหายไปจากตลาดโลก และ มีแนวโน้มกลับเข้าสู่ตลาดค่อนข้างช้า
*** IVL ถูกอัพเป้าราคามากสุด 3.5 - 10 บ./หุ้น
ทั้งนี้ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เป็นบริษัทที่ถูกโบรกเกอร์ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นสูงสุด 3.5 - 10 บาท/หุ้น เป็น 60 - 70 บาท/หุ้น ขณะที่ กำไรสุทธิปี 65 ถูกปรับขึ้นเป็น 3.9 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากเดิม 60.08 - 69.60%) เติบโตขึ้น 50.13 - 51.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลัก เป็นเพราะ Core Ebitda ที่มีแนวโน้มดีขึ้นของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ CPET ซึ่งบริษัทได้ทำการ Contract reset สำหรับลูกค้าในตลาดฝั่งตะวันตก สำหรับ PET และ PTA อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ต้นทุนการดำเนินงานจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการทำโครงการ Olympus อย่างต่อเนื่อง