พบ 17 หุ้นต่ำบาท สิ้นปี 63 ราคาปีนี้พุ่งสูงสุด 110 - 1,476% พร้อมวอลุ่มหนาแน่น กูรูมองรายย่อยแห่เก็งกำไรหุ้นหุ้นจิ๋วช่วงตลาดขาขึ้น แต่แนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง เหตุเสี่ยงสูง ผลประกอบการยังผันผวน แถมล่าสุดราคาเริ่มแผ่ว
*** พบ 17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63 ราคาพุ่ง 87 - 888%
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) พบมี 17 บริษัทที่ ณ สิ้นปี 63 ซื้อขายระดับต่ำกว่า 1 บาท/หุ้น แต่ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับราคามากกว่า 1 บาท/หุ้น โดยมีผลตอบแทนจากราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) ถึง 87 - 888% ประกอบด้วย
17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63 ราคาพุ่ง 87 - 888%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ตลาด
|
ราคาสิ้นปี 63 (บ.)
|
ราคาปิด 25 มิ.ย.64
|
%chg YTD
|
AEC
|
SET
|
0.17
|
1.68
|
888
|
7UP
|
SET
|
0.43
|
1.82
|
323
|
TH
|
SET
|
0.49
|
2
|
308
|
UMS
|
mai
|
0.33
|
1.24
|
276
|
PAF
|
SET
|
0.54
|
1.81
|
235
|
INOX
|
SET
|
0.43
|
1.18
|
174
|
TAKUNI
|
mai
|
0.46
|
1.25
|
172
|
SAM
|
SET
|
0.47
|
1.19
|
153
|
GBX
|
SET
|
0.51
|
1.28
|
151
|
DHOUSE
|
mai
|
0.55
|
1.24
|
125
|
VPO
|
SET
|
0.52
|
1.16
|
123
|
KCM
|
mai
|
0.49
|
1.09
|
122
|
GENCO
|
SET
|
0.49
|
1.06
|
116
|
CHO
|
mai
|
0.5
|
1
|
100
|
CHEWA
|
mai
|
0.51
|
1.01
|
98
|
AKR
|
SET
|
0.54
|
1.03
|
91
|
TKT
|
SET
|
0.97
|
1.81
|
87
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ 25 มิ.ย.64
|
17 บจ.ดังกล่าว จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 11 บริษัท และ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 6 บริษัท กลุ่มธุรกิจพลังงานติดโผสูงสุด 3 บริษัท รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์, สินค้าอุตสาหกรรม และ ทรัพยากร ติดโผกลุ่มละ 2 บริษัทเท่ากัน
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนราคาหุ้น YTD เกิน 100% โดยมี 6 บริษัทที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดถึง 888% จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ 0.17 บาท/หุ้น ล่าสุด ณ 25 มิ.ย.64 ขึ้นมาอยู่ที่ 1.68 บาท
*** 7 บจ.ราคาขึ้นทำไฮแจกกำไร 3-14 เด้ง
ขณะที่เมื่อเทียบกับราคาสูงสุดของปีนี้ พบว่าทั้ง 17 บริษัทราคาหุ้นเพิ่มขึ้นระดับ 110 - 1,476% ดังนี้
17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63 ราคาพุ่งสูงสุด 110 – 1476%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาสิ้นปี 63 (บ.)
|
ราคาสูงสุดปี 64 (บ.)
|
%chg
|
AEC
|
0.17
|
2.68
|
1,476
|
UMS
|
0.33
|
1.8
|
445
|
TH
|
0.49
|
2.42
|
394
|
7UP
|
0.43
|
2
|
365
|
PAF
|
0.54
|
2.4
|
344
|
SAM
|
0.47
|
2
|
326
|
INOX
|
0.43
|
1.7
|
295
|
VPO
|
0.52
|
1.9
|
265
|
TAKUNI
|
0.46
|
1.65
|
259
|
GBX
|
0.51
|
1.76
|
245
|
KCM
|
0.49
|
1.45
|
196
|
GENCO
|
0.49
|
1.28
|
161
|
DHOUSE
|
0.55
|
1.41
|
156
|
CHEWA
|
0.51
|
1.22
|
139
|
CHO
|
0.5
|
1.17
|
134
|
AKR
|
0.54
|
1.24
|
130
|
TKT
|
0.97
|
2.04
|
110
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ 25 มิ.ย.64
|
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยปีนี้ราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ที่ 2.68 บาท/หุ้น หรือเพิ่มขึ้น 1,476% จากสิ้นปี 63
เช่นเดียวกับ บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา (DHOUSE) ที่ปีนี้ราคาขึ้นทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนใน mai เมื่อ 26 ต.ค.63 ที่ 1.41 บาท/หุ้น หรือเพิ่มขึ้น 156% จากสิ้นปี 63
นอกจากนี้มีถึง 6 บริษัทที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 300%
*** พบมูลค่าการซื้อขาย YTD พุ่งเกินเท่าตัวเทียบทั้งปี 63
ขณะเดียวกันพบว่าทั้ง 17 บจ.ดังกล่าว มูลค่าการซื้อขาย YTD เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 63 ทั้งปี โดยมูลค่าการซื้อขายรวมเพิ่มขึ้นระดับ 153 - 8,382% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 434 - 11,010% ดังนี้
มูลค่าการซื้อขายปี 64 ของ 17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63
|
ชื่อย่อหุ้น
|
มูลค่าการซื้อขายรวม YTD (ลบ.)
|
%chg เทียบปี 63
|
มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย/วัน YTD (ลบ.)
|
%chg เทียบปี 63
|
7UP
|
23,833
|
1,085
|
207.24
|
2,406
|
INOX
|
10,264
|
1,868
|
89.23
|
4,050
|
AEC
|
5,387
|
730
|
46.84
|
1,654
|
GBX
|
4,426
|
2,319
|
38.49
|
5,032
|
TAKUNI
|
3,792
|
2,845
|
32.98
|
6,123
|
AKR
|
3,511
|
1,537
|
30.53
|
3,369
|
SAM
|
3,304
|
2,398
|
28.73
|
5,220
|
PAF
|
2,556
|
5,045
|
22.22
|
11,010
|
CHO
|
2,511
|
332
|
21.83
|
813
|
GENCO
|
2,343
|
823
|
20.38
|
1,860
|
VPO
|
2,020
|
2,205
|
17.57
|
4,781
|
CHEWA
|
1,905
|
577
|
16.57
|
1,328
|
KCM
|
1,771
|
1,178
|
15.40
|
2,602
|
TH
|
1,674
|
8,382
|
14.56
|
18,100
|
DHOUSE*
|
646
|
N/A
|
5.62
|
N/A
|
TKT
|
375
|
538
|
3.26
|
1,258
|
UMS
|
55
|
2,294
|
0.48
|
4,700
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ 25 มิ.ย.64
* DHOUSE เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อ 26 ต.ค.63
|
บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในกลุ่มนี้ โดยมูลค่าการซื้อขายรวม YTD อยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า จากปี 63 ทั้งปีที่มีมูลค่าการซื้่อขายรวมเพียง 2,011 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน YTD อยู่ที่ 207.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 เท่า จากปี 63 ทั้งปี ที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่เพียง 8.27 ล้านบาท
ด้าน บมจ.ตงฮั้ว โฮลดิ้ง (TH) มูลค่าการซื้อขายรวมมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงกว่า 83 เท่าตัว โดยมูลค่าการซื้อขาย YTD อยู่ที่ 1,674 ล้านบาท จากทั้งปี 63 ที่เพียง 20 ล้านบาท ขณะเดียวกันมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมีอัตราการเพิ่มขึ้นกว่า 180 เท่า อยู่ที่ 14.56 ล้านบาท จากทั้งปี 63 ที่เพียง 0.08 ล้านบาท
*** กูรูมองรายย่อยแห่เก็งกำไรหุ้นจิ๋วช่วงตลาดขาขึ้น-เตือนเสี่ยงสูง
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า สาเหตุที่หุ้นกลุ่มนี้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากมีกระแสการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยในช่วงตลาดขาขึ้น ซึ่งปีนี้มีนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่เปิดบัญชีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากกระแสหุ้นไอพีโอ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อ ส่งผลให้มีนักลงทุนรายใหม่เพิ่มขึ้นหลายแสนบัญชี และกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่มักจะชอบเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กเพื่อคาดหวังผลตอบแทนราคาหุ้นที่สูงขึ้น
ด้าน "ณัฐชาต เมฆมาสิน" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นขนาดเล็กปรับขึ้นแรง เกิดจากนักลงทุนรายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น สะท้อนจากสัดส่วนการซื้อขายรายวันของนักลงทุนรายย่อยปรับตัวสูงขึ้นกว่า 50% ของมูลค่าซื้อขายรวมของทั้งตลาด จากเดิมอยู่ที่ 30-35% โดยเป็นปรากฏการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 ที่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องเปลี่ยนไปทำงานจากบ้าน (Work from Home) ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้นและมีความสนใจเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น
"ในภาวะโควิด-19 บริษัทขนาดเล็กมีความน่าสนใจลงทุนในแง่ที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤติได้เร็วกว่าบริษัทขนาดใหญ่ แต่ในมุมการลงทุนเราแนะนำ นักลงทุนซื้อขายระยะสั้นตามกราฟเทคนิคได้ แต่คนที่จะลงทุนระยะกลางยาวควรเลือกหุ้นที่มีบทวิเคราะห์รองรับเพื่อทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของบริษัท"
ด้าน "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เผยว่า อีกสาเหตุที่ราคาหุ้นขนาดเล็กที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทยที่เริ่มตึงตัว หลังดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นอย่างจำกัด และหุ้นขนาดเล็กหลายบริษัทมีข่าวการเปลี่ยนแปลงบริษัททั้งโครงสร้างผู้ถือหุ้นและธุรกิจ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่จูงใจนักเก็งกำไร
อย่างไรก็ตามการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ จะต้องรับความเสี่ยงได้สูง และเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี หรือมีปัจจัยหนุนพิเศษ ขณะเดียวกันแนะนำดูปัจจัยด้านเทคนิคประกอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อพิจารณาต้นทุนที่จะเข้าซื้อ รวมถึงควรกำหนดจุดขายตัดขาดทุน (Stop Loss) เพราะหากปัจจัยบวกไม่เป็นไปตามคาดการณ์ราคาหุ้นจะถูกดดันและฟื้นตัวกลับมาได้ยากกว่าหุ้นขนาดใหญ่
"การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ จะต้องเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เพราะราคาหุ้นบางตัวราคาจะเปลี่ยนแปลงเร็ว หากนักลงทุนขายไม่ทัน มีโอกาสขาดทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ และโอกาสที่ราคาหุ้นจะฟื้นกลับมาค่อนข้างยากเพราะสภาพคล่องปกติอยู่ในระดับต่ำ"
*** พบส่วนใหญ่กำไร Q1/64 ฟื้น
ทั้งนี้เมื่อสำรวจงบการเงินของ 17 บจ.ดังกล่าว พบว่า มีถึง 12 บริษัทที่กำไรไตรมาส 1/64 ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมี 6 บริษัท พลิกมีกำไรจากไตรมาส 1/63 ขาดทุน ขณะที่ 5 บริษัทกำไรปรับตัวเติบโตจากไตรมาส 1/63 และ 2 บริษัทขาดทุนลดลง ดังนี้
กำไรสุทธิ 17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63 ราคาพุ่งแรงปี 64
|
ชื่อย่อหุ้น
|
Q1/64 (ลบ.)
|
Q1/63 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
ปี 63 (ลบ.)
|
ปี 62 (ลบ.)
|
ปี 61 (ลบ.)
|
TKT
|
7.69
|
-1.04
|
839
|
-36.56
|
12.21
|
-36.75
|
AKR
|
23.67
|
-5.48
|
532
|
98.44
|
82.55
|
-279.65
|
INOX
|
162.42
|
-54.29
|
399
|
-17.43
|
-36.66
|
562.45
|
SAM
|
27.48
|
-19.8
|
239
|
-64.19
|
-186.07
|
-98.76
|
CHEWA
|
30.11
|
-25.86
|
216
|
120.44
|
-55.06
|
264.81
|
7UP
|
103.3
|
37.83
|
173
|
117.44
|
86.61
|
-79.53
|
GENCO
|
0.87
|
-5.05
|
117
|
-47.75
|
-34.81
|
119.43
|
AEC
|
-7.04
|
-40.48
|
83
|
-300.61
|
-237.87
|
-85.95
|
VPO
|
-34.25
|
-66.97
|
49
|
-29.34
|
-47.45
|
-92.7
|
PAF
|
590.48
|
487.44
|
21
|
596.16
|
482.15
|
445.61
|
TAKUNI
|
3.95
|
3.5
|
13
|
32.26
|
27.16
|
32.13
|
GBX
|
30.55
|
29.9
|
2
|
43.21
|
14.79
|
8
|
UMS
|
-14.26
|
-13.46
|
-6
|
-56.65
|
-41.78
|
-63.99
|
TH
|
9.98
|
11.83
|
-16
|
26.08
|
44.32
|
40.53
|
CHO
|
-58.46
|
-41.44
|
-29
|
-238.74
|
65.86
|
45.47
|
DHOUSE
|
0.17
|
4.89
|
-97
|
14.93
|
40.71
|
9.54
|
KCM
|
0.42
|
12.85
|
-97
|
5.09
|
-11.19
|
5.12
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ 25 มิ.ย.64
|
อย่างไรก็ตามมีเพียง 1 บริษัทที่กำไรเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 คือ บมจ.แพนเอเซียฟุตแวร์ (PAF) โดยเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ไม่มีผลขาดทุนระหว่างงบฯ ปี 61 ถึง งบฯ ไตรมาส 1/64 ขณะที่ส่วนใหญ่ผลประกอบการค่อนข้างผันผวน มีกำไรสลับกับขาดทุน และส่วนใหญ่ขาดทุนมากกว่ากำไร
*** ระวัง ! ราคาล่าสุดเทียบราคาสูงสุดร่วงทั้ง 18 บริษัท
นอกจากนี้เมื่อเทียบราคาสูงสุดปีนี้ของทั้ง 17 บริษัทกับราคาล่าสุด (25 มิ.ย.64) พบว่า ปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยเกินครึ่งลดลงมากกว่า 20% ซึ่ง บมจ.สามชัย สตีล อินดัสทรี (SAM) ราคาดื่งมากสุด 40.50% จากจุดสูงสุดปีนี้ที่ 2 บาท/หุ้น ล่าสุดอยู่ที่เพียง 1.19 บาท/หุ้น
ราคาล่าสุดเทียบราคาสูงสุดปี 64 ของ 17 หุ้นต่ำบาท ณ สิ้นปี 63 ราคาพุ่งแรงปี 64
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาสูงสุดปี 64 (บ.)
|
ราคาปิด 25 มิ.ย.
|
%chg
|
SAM
|
2
|
1.19
|
-40.50
|
VPO
|
1.9
|
1.16
|
-38.95
|
AEC
|
2.68
|
1.68
|
-37.31
|
UMS
|
1.8
|
1.24
|
-31.11
|
INOX
|
1.7
|
1.18
|
-30.59
|
GBX
|
1.76
|
1.28
|
-27.27
|
KCM
|
1.45
|
1.09
|
-24.83
|
PAF
|
2.4
|
1.81
|
-24.58
|
TAKUNI
|
1.65
|
1.25
|
-24.24
|
TH
|
2.42
|
2
|
-17.36
|
CHEWA
|
1.22
|
1.01
|
-17.21
|
GENCO
|
1.28
|
1.06
|
-17.19
|
AKR
|
1.24
|
1.03
|
-16.94
|
CHO
|
1.17
|
1
|
-14.53
|
DHOUSE
|
1.41
|
1.24
|
-12.06
|
TKT
|
2.04
|
1.81
|
-11.27
|
7UP
|
2
|
1.82
|
-9.00
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ 25 มิ.ย.64
|