18 บจ.ถูกโบรกเกอร์เพิ่มเป้ากำไร-ราคาเป้าหมาย หลังงบปี 64 ดีกว่าคาด - ผลงานต้นปี 65 โตแรงต่อเนื่อง พบหุ้นพาณิชย์ ติดโผสูงสุด 5 บริษัท ส่วน CENTEL ถูกอัพเป้ากำไรขึ้นจากเดิมสูงสุด 70 - 142% ด้าน EA ถูกอัพเป้าราคาขึ้นมากสุด 34 บ./หุ้น ให้เป้าใหม่ที่ 115 - 122 บ./หุ้น
*** พบ 18 บจ. ถูกโบรกฯ เพิ่มเป้ากำไรปี 65
ล่าสุด บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 426 แห่ง ประกาศงบการเงินประจำปี 64 ออกมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ 279 บริษัท มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยบางบริษัทรายงานกำไรสุทธิ ออกมาได้ดีดว่าตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้สำรวจบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลังการประกาศงบการเงินปี 64 พบว่า มี 18 บริษัท (ไม่รวมหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์) ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิม หลังส่วนใหญ่รายงานงบการเงินปี 64 ดีกว่าคาด ประกอบกับ ผลการดำเนินงานต้นปี 65 ยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบด้วย
18 บจ. ถูกอัพเป้ากำไร หลังประกาศงบปี 64
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรปี 65 ใหม่ (ลบ.)
|
ปรับขึ้น (%)
|
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.)
|
เพิ่มขึ้น (บ.)
|
CENTEL
|
เคจีไอ
|
680
|
142
|
43.5
|
5.5
|
หยวนต้า
|
658
|
70
|
43
|
2.5
|
MINT
|
หยวนต้า
|
3,036
|
111
|
42
|
1.25
|
CRC
|
หยวนต้า
|
5,654
|
53
|
42.5
|
5
|
คิงส์ฟอร์ด
|
5,237
|
15
|
43.5
|
3.5
|
EA
|
หยวนต้า
|
8,552
|
51
|
115
|
34
|
ฟินันเซียฯ
|
10,953
|
7
|
122
|
0
|
PYLON
|
ฟินันเซียฯ
|
173
|
22
|
5.8
|
1.1
|
WICE
|
เคทีบีฯ
|
682
|
19
|
28
|
9
|
ฟินันเซียฯ
|
576
|
5
|
23
|
0
|
LEO
|
ทรีนีตี้
|
250
|
18
|
19.5
|
0.5
|
เคทีบีฯ
|
265
|
13
|
22
|
2
|
CPW
|
ทิสโก้
|
129
|
12
|
6
|
1.1
|
ฟินันเซียฯ
|
119
|
6
|
4.5
|
0.4
|
BAM
|
หยวนต้า
|
2,979
|
11
|
27
|
2.5
|
เคทีบีฯ
|
3,166
|
3
|
25
|
8
|
COM7
|
เคจีไอ
|
3,457
|
10
|
104
|
9
|
เคทีบีฯ
|
3,348
|
7
|
110
|
10
|
SINGER
|
เคทีบีฯ
|
1,225
|
7
|
60
|
2
|
QH
|
เคทีบีฯ
|
2,089
|
5
|
2.5
|
0.1
|
AP
|
เอเชีย พลัส
|
4,718
|
4
|
12
|
0.5
|
เมย์แบงก์ฯ
|
4,723
|
2
|
10.8
|
1.25
|
HMPRO
|
เคทีบีฯ
|
6,486
|
4
|
18.5
|
1.5
|
เอเชีย เวลท์
|
6,247
|
1
|
18
|
1.5
|
DTAC
|
เคจีไอ
|
4,048
|
4
|
43.5
|
5.5
|
หยวนต้า
|
4,052
|
1
|
59
|
14
|
GULF
|
ฟินันเซียฯ
|
13,752
|
2
|
60
|
0
|
ADVANC
|
หยวนต้า
|
28,458
|
2
|
252
|
0
|
CPF
|
หยวนต้า
|
16,449
|
1
|
30
|
0
|
ที่มา : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)
หมายเหตุ : ไม่รวมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
|
*** หุ้นกลุ่มพาณิชย์ ถูกอัพเป้าสูงสุด 5 บริษัท
18 บริษัทดังกล่าว มีถึง 14 บริษัท ที่อยู่ในดัชนี SET100 โดยกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ติดโผสูงสุด จำนวน 5 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ขนส่งและโลจิสติกส์, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ อาหารและเครื่องดื่ม ที่ติดโผ จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน
โดย บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เป็นบริษัทในกลุ่มพาณิชย์ ที่ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้นจากเดิมมากสุด 15 - 53% ซึ่งกำไรสุทธิที่ปรับขึ้นใหม่อยู่ระหว่าง 5.2 - 5.6 พันล้านบาท ขณะที่ ราคาเหมาะสมใหม่ ที่ถูกปรับขึ้น อยู่ระหว่าง 42.5 - 43.5 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักที่ทำให้นักวิเคราะห์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CRC ขึ้นจากเดิม เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมตั้งแต่ต้นปี (YTD) ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด พลิกเป็นบวกราว 12 - 15% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ลดความเข้มงวดลง ประกอบกับ กำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวดีกว่าคาด หลังการคลายล็อกดาวน์
ส่วนอีก 4 บริษัท ในกลุ่มพาณิชย์ ที่ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิม ประกอบด้วย บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 6 - 12% โดยกำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 119 - 129 ล้านบาท ขณะที่ ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 4.5 - 6 บาท/หุ้น สะท้อนจากสาขาที่เพิ่มเป็น 107 แห่ง (เพิ่มขึ้น 56 สาขา) จากการรวม iBIZ Plus
ขณะที่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 7 - 10% เป็น 3.3 - 3.4 พันล้านบาท โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 104 - 110 บาท/หุ้น สะท้อนจากการขยายสาขาเชิงรุกอีกราว 150 ร้าน ทั้งที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และ แบบ Stand Alone และ เพิ่มสินค้าครอบคลุมของใช้ในบ้าน จึงทำให้คาดว่า ผลการดำเนินงานปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าคาด
ด้าน บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 7% เป็น 1.2 พันล้านบาท โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 60 บาท/หุ้น สะท้อนจาก การถูกปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อ เป็นเติบโต 60% จากปีก่อน (เดิม 56%) หลังสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้ามีการขบายตัวที่สูงกว่าคาด
ฟาก บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 1 - 4% เป็น 6.2 - 6.4 พันล้านบาท โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 18 - 18.5 บาท/หุ้น สะท้อนจาก แผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 7 แห่งในปีนี้ (จากเดิมคาดขยายเพิ่ม 2 แห่ง) ประกอบกับ อัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงต้นปี ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าคาด
*** CENTEL ถูกอัพเป้าสูงสุด 142% อีก 2 บจ.อัพมากกว่า 50%
ทั้งนี้ นอกจาก บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ยังมีอีก 3 บริษัท ที่ถูกนักวิเคราะห์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิมมากว่า 50%
โดย บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ถูกปรับกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิมมากที่สุด 70 - 142% เป็น 658 - 680 ล้านบาท ขณะที่ ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 43 - 43.5 บาท/หุ้น สะท้อนจากการปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร จากการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง 2 ธุรกิจ
ขณะที่ อีก 2 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 111% เป็น 3 พันล้านบาท โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 42 บาท/หุ้น สะท้อนจาก การปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ และ กำไรของ NHHOTEL หลังฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด
ส่วน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ถูกปรับกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 7 - 51% เป็น 8.5 พันล้านบาท - 1 หมื่นล้านบาท โดยราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 115 - 122 บาท/หุ้น สะท้อนจาก การเริ่มรับรู้รายได้ขายรถบัสไฟฟ้า (EV Bus) เต็มปีครั้งแรก โดยคาด EA จะส่งมอบ EV Bus ได้ราว 1.5 พันคันในปีนี้
*** พบ 2 บจ. ถูกอัพราคาเป้าหมาย 10 บ./หุ้น ขึ้นไป
ขณะเดียวกัน มี 2 บริษัท ที่ถูกนักวิเคราะห์ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิมตั้งแต่ 10 บ./หุ้น ขึ้นไป ประกอบด้วย บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่ถูก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิมถึง 34 บาท/หุ้น เป็น 115 บาท/หุ้น (เดิม 81 บาท/หุ้น)
ปิดท้ายด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ที่ถูก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม 10 บาท/หุ้น เป็น 110 บาท/หุ้น (เดิม 100 บาท/หุ้น)