"เฮลท์ลีด (HL)" พร้อมเข้าเทรดใน mai วันแรก (3 ธ.ค.64) ระดมทุนขยายสาขา Chain Drug Store - ฟาก FA มั่นใจกระแสตอบรับดี เหตุพื้นฐานแกร่ง มีโอกาสโตอีกมากจากการขยายสาขาเพิ่มทุกปี ฟากผู้ถือหุ้นใหญ่ ยันกอดหุ้นแน่น รักษาสัดส่วนถือ 72% - กูรู เคาะราคาเหมาะสม 14-15 บ./หุ้น
*** mai รับ "เฮลท์ลีด (HL)" เข้าเทรดวันแรก 3 ธ.ค.นี้
นายประพันธ์เจริญประวัติผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า HL ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564
HL ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.80 บาท
***ระดมทุนขยายสาขา
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL เปิดเผยว่า มั่นใจว่าในวันที่ 3 ธ.ค.64 หุ้น HL เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในหมวดธุรกิจบริการ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ และธุรกิจร้านขายยาค้าปลีกในรูปแบบ Chain Drug Store รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และมีความสามารถทำกำไรในระดับสูง
โดยปี 61-63 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 0.39 ล้านบาท,21.77 ล้านบาท และ 52.08 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.05%, 2.38% และ 4.82% ตามลำดับ
ในงวด 9 เดือน ปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.65 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 6.30% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4.85%
ในปี 64 ตั้งเป้าหมายจะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยสามารถรักษาการเติบโตได้ตามค่าเฉลี่ยของ 3 ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นในปี 61 อยู่ที่ 15.71% และ17.98% สำหรับปี 62 และ 63 ตามลำดับ
รวมทั้งยังมีบริษัท เฮลทิเนส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% ประกอบธุรกิจคิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “PRIME” และ “Besuto” ซึ่งจะมีการออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าที่สามารถทำกำไรสูง จะเป็นปัจจัยที่สำคัญช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
*** ผู้ถือหุ้นใหญ่ยันกอดหุ้นแน่น
ภก.ศุภกร พันธุกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ในฐานะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ กลุ่มพันธุกานนท์จะมีสัดส่วนการถือหุ้นรวม 72.22% ของทุนจดทะเบียน 136 ล้านบาท และยังคงมีนโยบายที่จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ เนื่องจากเป้าหมายของการเข้าจดทะเบียน เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและผลักดันการเติบโตในระยะยาว สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ
“กลุ่มพันธุกานนท์ มีเจตนารมณ์ อยากให้มีร้านขายยาที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย อยู่คู่กับสังคมไทยไปตลอด สามารถกระจายยาไปยังชุมชนได้อย่างทั่วถึงทุกระดับ เราไม่ได้หวังว่าจะต้องทำกำไรให้มากที่สุด แต่อยากให้ร้านขายยาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของสังคม”
*** FA มั่นใจตอบรับดี โอกาสโตอีกมากจากขยายสาขาเพิ่มทุกปี
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) มั่นใจว่า HL จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในหมวดธุรกิจบริการที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดย HL ถือเป็นผู้ประกอบการร้านขายยาค้าปลีกที่จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากการขยายสาขาเพิ่มทุกปี
ปัจจุบันมี 26 สาขา ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ iCare มีจำนวน 10 สาขา Pharmax 12 สาขา vitaminclub 3 สาขา Super Drug 1 สาขา โดยแต่ละสาขามียอดขายต่อสาขาเติบโตต่อเนื่อง ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่ดีได้ในระยะยาว รวมถึงการที่บริษัทฯมีแผนผลิตโปรดักส์ใหม่ที่เป็นสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพต่อยอดเพิ่มเติมจากแบรนด์ Besutoที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกัน และฆ่าเชื้อ Covid- 19 รวมทั้งอาหารเสริมจากแบรนด์ Prime ที่เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ซึ่งสองแบรนด์ได้รับรางวัลจากต่างประเทศอีกด้วย
*** บล.ฟินันเซีย ไซรัส เคาะเป้า 15 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ HL จะเป็นเชนร้านขายยาบริษัทแรกที่จดทะเบียนในตลท. ซึ่งมีโครงสร้างธุรกิจคล้ายกลุ่มค้าปลีก ปัจจุบันยังมีสาขาไม่มากเพียง 25 สาขา ยังมีช่องว่างให้โตได้อีกมาก ขณะที่อุปสรรคของผู้ประกอบการรายใหม่ค่อนข้างสูง เพราะเป็นธุรกิจ ที่มีกฎระเบียบเข้มงวดทั้งสถานประกอบการคุณภาพการจัดเก็บยาต้องมีเภสัชกรให้คำแนะนำ
ผลการดำเนินงานของบริษัทแข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ มีความผันผวนต่ำ คาดกำไรสุทธิ ปี 64-66 จะเติบโตดีต่อเนื่องคิดเป็นอัตราการโต CAGR 35.8% และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 15 บาท (DCF)
*** บล.โนมูระ-บล.บียอนด์ ให้มูลค่าพื้นฐาน 14 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ HL (TP22F) ที่ 14 บาท/หุ้น ด้วยวิธี DCF มองว่าบริษัทน่าสนใจจาก 1) เป็นร้านขายยา Chain store ที่มีรายได้ต่อสาขาสูงกว่าร้านขายยาที่มีจ านวนสาขาใกล้เคียงกัน 2) สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างดีทำให้มีอัตรากำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มร้านยา Chain Store ที่มีรายได้/จำนวนสาขาใกล้เคียงกัน และ 3) คาดกำไรสุทธิเติบโต 37% CAGR 21F-23F ตามการขยายสาขาที่เร่งตัว และอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นจาก economies of scale ที่ดีขึ้น
ด้าน บล.บียอนด์ คาด ปี 64-65 กำไรเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการขยายสาขาที่เพิ่มมากขึ้น
ปี 64 คาดมีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท โต 42.5%YoY จาการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา ได้แก่ ฟาร์แมกซ์ โรบินสัน ลาดกระบัง ซึ่งได้เปิดทำการแล้วในไตรมาส 3 ในขณะที่ อีก 2 สาขา ได้แก่ ฟาร์แมกซ์ กรุงเทพกรีฑา และไอแคร์ มาร์เก็ตเพลส ตลาดถนอมมิตร คาดจะเปิดทำการในไตรมาส 4
ในปี 65 ไตรมาสแรกจะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขาคือ ไอแคร์ โครงการ ธนบุรีมาร์เก็ต โดยบริษัทมีการนำ Data Analytics มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าซึ่งช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นประกอบกับเป็นการช่วยบริษัทในการบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยในการวิเคราะห์สถานที่ในการตั้งสาขาเพื่อช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีช่วงเวลาPayback Period ทีสั้นลงบริษัทยังมีแผนปรับปรุงสาขาร้านขายยาเดิมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 65 ที่ 113 ล้านบาท เติบโต 53% YoY
ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 65 ไว้ที่ 14 บาท จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ HL ด้วยความสามารถในการเลือกที่ตั้งร้านได้อย่างเหมาะสมประกอบกับบริษัทมีการ คิดค้นและพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ โดยในอนาคตทางบริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง